ค้นหาบล็อกนี้

วันพฤหัสบดีที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2553

เคล็ดลับในการสร้างพลังความจำ




เคล็ดลับในการสร้างพลังความจำ ความสามารถในการจำของมนุษย์มีความพิเศษเหนือสัตว์อื่นๆ ความจำ เป็นสิ่งวิเศษที่เราสามารถเรียกคืน ประสบการณ์เก่าๆ กลับมาอีกครั้ง หากไม่มีความจำ เราคงลืมเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิต และเราต้องเริ่มเรียนรู้ใหม่เหมือนเด็กอ่อนที่เพิ่งเกิดทุกวัน คล้าย ๆ กับคนแก่ที่ความจำเลอะเลือนกลับกลายเป็นเหมือนเด็กที่ช่วยตัวเองไม่ได้ เพราะความจดจำได้ เราจึงเรียนรู้ได้ โดยเอาสิ่งที่ผ่านมาในชีวิตมาวิเคราะห์และปรับปรุง เราสามารถเรียกคืนความจำเก่าๆจากจิตใต้สำนึกเมื่อเราต้องการ และจากความรู้อันนี้ทำให้เรา สามารถทำงานบางอย่างที่เราได้เรียนมาอย่างช่ำชอง หรือหลีกเลี่ยงการกระทำบางอย่างที่ไม่ดีได้

จิตใต้สำนึกของเราบันทึกเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตเราตลอดเวลา ทั้งกลางวันและกลางคืน เพราะทุกวันที่เราตื่นนอน เราจำได้ว่าเมื่อคืนเรานอนหลับดีหรือไม่ ความจำเป็นสิ่งไม่ตาย แต่สถิตถาวรภายใต้จิตสำนึก หากเรามีการฝึกฝนที่ดี เราสามารถเรียกความจำเก่าๆ ในชีวิตปัจจุบัน และแม้แต่ในอดีตชาติก่อนๆ กลับมาได้

ความจำของเราถูกแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ความจำชั่วคราว และ ความจำถาวร ความจำชั่วคราวของเรา จำได้ไกลเพียงแค่ในชีวิตปัจจุบัน ส่วนความจำถาวรบันทึกทุกสิ่งที่เกิดกับจิตวิญญานของเราในทุกภพทุกชาติ บางคนสามารถจำได้แค่เหตุการณ์ในชีวิตนี้ แต่บางคนจำได้ทั้งไกลถึงอดีตชาติ แต่บางคนจำไม่ได้แม้เหตุการณ์ที่เพิ่งจบไปเมื่อไม่กี่วัน คุณภาพของการจำ แตกต่างกันไป แล้วแต่คุณภาพของสมองแต่ละคน การศึกษา การฝึกสมาธิ และการฝึกฝนความจำในแบบต่างๆ สามารถช่วยเพิ่มความสามารถในการจำได้ ผู้ที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตได้ต้องเป็นคนที่มีความจำที่ดี

การบริหารร่างกายเพิ่มความจำ
ท่าการบริหารร่างกายที่เหมาะสม เช่น การฝึกโยคะ การรำมวยจีน การเดินจงกรม สามารถพัฒนาความจำได้ ในปัจจุบันเครื่องจักรเข้าทดแทนทุกส่วนของการใช้แรงงานในชีวิตประจำวัน ทำให้คนเราเกิดความเกียจคร้านในการการออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ จึงทำให้บางคนคิดค้นหาอุปกรณ์ออกกำลังภายในบ้านขึ้น เพื่อการบริหารร่างกาย แต่เราควรให้มีสติกำกับการเคลื่อนไหวร่างกายนั้นๆ จึงจะได้ประโยชน์สูงสุด ไม่ใช่เพียงแค่ก้มงอตัวไปมา เพราะการที่มีสติและสมาธิในการเคลื่อนไหวในทุกอริยาบท ทำให้เราสามารถควบคุมและส่งพลังงานไปยังส่วนต่างๆของอวัยวะในร่างกายให้แข็งแรงขึ้น เช่นเดียวกับการฝึกกังฟูของจีน

อาหารที่เพิ่มพลังความจำ
อาหารบางชนิดบำรุงสมอง บางชนิดบำรุงกล้ามเนื้อ บางชนิดบำรุงประสาท และแต่ละชนิดบำรุงแต่ละส่วนของอวัยวะ หากเราต้องการเพิ่มพลังสมอง เราก็ต้องทานอาหารที่บำรุงสมอง โดยเฉพาะโปรตีนเป็นส่วนสำคัญในการบำรุงสมอง เมล็ดอัลมอลด์นำมาบดผสมกับน้ำมะนาว หรือ น้ำส้ม และดื่มก่อนนอนทุกคืนจะช่วยให้ความจำดีขึ้น การดื่มนม และกินเนยแข็ง (Cheese) จึงเพิ่มพลังสมอง

เมื่อใดคุณมีความกังวล อ่อนล้า ลองดื่มน้ำมะนาวสัก 1-2 แก้ว เอาน้ำเย็นลูบหัว แล้วนำมาแตะกระหม่อม คิ้ว จมูก และหู จะทำให้เส้นประสาทสงบลง และทำให้ความจำดีขึ้นทันที หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง เพราะมันจะไปตกตะกอนเป็นคอเลสเตอร์รอล ตามผนังเส้นเลือดแดง ผู้ถือศีลสมาธิบางท่านที่เคร่งครัดมักจะกินแต่อาหารมังสวิรัติ เพราะเชื่อว่าเนื้อสัตว์ เช่นเนื้อหมูและเนื้อวัว ทำลายสุขภาพ เพราะมีกรดยูริคสูง ทั้งหมูและวัวมีความจำที่ต่ำ เมื่อเรากินเนื้อของสัตว์เหล่านี้มันจะนำไปสร้างร่างกายและจิตของเราตามลักษณะของสัต
ว์เหล่านี้ด้วย

การฝึกบริหารความจำ
ความจำที่ดีเกิดขึ้นได้จากการฝึกฝน คนที่มีร่างกายที่ไม่แข็งแรงก็สามารถปรับปรุงให้ดีขึ้นได้ ชีวิตเราไม่ว่าด้านใดๆก็สามารถพัฒนาให้ดีขึ้นได้ถ้าเรามีความพยายาม แม้ความผิดปรกติของร่างกายทางกรรมพันธุ์ก็มีการพิสูจน์กันแล้วว่าสามารถแก้ได้ด้วยการฝึกสมาธิ

คนส่วนมากไม่รู้จักการฝึกสมาธิ ทำให้ความสามารถของสมองที่แฝงเร้นอยู่ ไม่ถูกนำมาใช้ และหากเราขาดการพัฒนาทางจิตหรือฝึกสมาธิอย่างสม่ำเสมอ นานเข้าก็นำไปสู่ความเสียหายทางสมองและจิตได้ เพราะสมองเหมือนเช่นส่วนอื่นของร่างกาย ต้องการออกกำลัง บริหารอยู่เสมอ เพื่อคงให้อยู่ในสภาพที่ดี

การพัฒนาความจำไม่เพียงแต่เราต้องกินอาหารที่บำรุงสุขภาพแล้ว เรายังต้องฝึกจิต พยายามใช้ความจำ ฝึกการจำ เช่นมองภาพใดภาพหนึ่ง อาจเป็นภาพพุทธรูป หรือแม้แต่จะเป็นภาพวิวธรรมดาก็ได้ แล้วลองหลับตานึกภาพนั้นในใจ พยายามนึกถึงเพลงหรือบทสวดมนต์ แล้วร้องในใจ หรือสวดในใจเพื่อพัฒนาความจำ สิ่งที่ทำด้วยอารมณ์ ก็สามารถพัฒนาจิตใจ เพราะทุกคนจำเหตุการณ์ในชีวิตตอนที่ดีใจที่สุด และเสียใจที่สุดได้เสมอ เนื่องจากความรู้สึกตั้งอยู่ในส่วนลึกของความจำ ฉะนั้น การแต่งโคลงกลอน หรือแม้แต่การฝึกบวกเลข ลบเลขในใจ ก็เป็นวิธีที่ดีสำหรับพัฒนาความจำ และส่งเสริมสมาธิ

การฝึกสมาธิเสริมสร้างความจำ
การเพิ่มพลังความจำ เราต้องทำทุกอย่างด้วยความตั้งใจมั่น คนส่วนมากทำทุกอย่างแบบไร้สติ การกระทำและความคิดจึงมีช่องว่างที่ไม่เชื่อมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เป็นเหตุให้คนส่วนมากจำอะไรได้ไม่ได้ดี เราควรทำกิจการงานทุกอย่างด้วยความตั้งใจ ทำงานก็ทำด้วยความตั้งใจ เรียนก็ฟังครูสอนด้วยความตั้งใจ จะเล่นกีฬาก็เล่นด้วยความตั้งใจ เมื่อฝึกสมาธิก็ไม่ทิ้งคำบริกรรม

สมาธิคือการตั้งใจมั่น มั่นในการกิน เดิน นอน นั่ง คด คู้ เหยียด ทุกอริยาบท ความจำได้หมายรู้มีไว้ให้เราระลึกถึงความดีที่เราเคยก่อ ที่เราเคยสร้าง การฟื้นความจำที่เราเคยเกลียดใคร โกรธใคร อาฆาตใคร เป็นการใช้ความจำในทางที่ไม่ถูกต้อง และยัง ก่อให้เกิดโทษ ตรงกันข้ามเราควรฟื้นความจำ ในแต่สิ่งที่ดี แต่บางครั้งการจำเหตุการณ์ที่ทำให้เราเกิดทุกข์ ที่เราเคยทำผิดพลาดไป แล้วนำประสบการณ์นั้นมาปรับปรุงแก้ไข ย่อมเป็นการใช้ความจำในทางที่ถูกต้อง แต่อย่าจมปรักอยู่ความความผิดหวังในในอดีตซึ่งทำให้เราไม่ก้าวหน้า ไม่ควรฟื้นความจำที่ไม่ดีเหล่านั้นจะดีทีสุด หากนึกขึ้นได้เราเพียงแต่หยุดคิดถึงมัน จงฝึกคิดแต่สิ่งที่ดี และคุณความดีที่เราทำ เพราะความจำสุดท้ายก่อนสิ้นใจ เป็นพลังงานสุดท้ายที่ขับเคลื่อนเราไปสู่ภพใหม่ และการระลึกได้ในความดีที่เราทำในขณะนั้นเท่านั้น จึงจะนำเราไปสู่สุขคติภูมิ

ขอบคุณ .. ที่มา :: http://www.geocities.com/samadhinet/memfood.htm